สบู่กลีเซอรีน vs สบู่ธรรมชาติ
สบู่ทั่วไปหรือสบู่อุตสาหกรรม
เป็นสบู่ที่ผลิตเชิงอุตสาหกรรมโดยใช้เครื่องจักรเป็นหลัก เพื่อผลิตให้ได้ปริมาณมาก โดยการนำเกร็ดสบู่ หรือที่เรียกกันว่า Soap Noodle หรือ Soap Chip มาเติมสารบำรุงผิว ซึ่งมักเป็นสารเคมี และน้ำหอม ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้จะมีความแข็ง จึงสามารถนำมาปั้มขึ้นรูปได้จึงมักมีรูปก้อนสบู่ที่สวยงาม
สบู่กลีเซอรีน
เป็นสบู่ที่มีลักษณะก้อนใส หรือค่อนข้างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรีนที่ผสมเป็นสบู่ที่ใช้วิธีการผลิต ซึ่งในปัจจุบันจะมีกลีเซอรีนประเภทขุ่น โดยการผลิตสบู่ชนิดนี้นิยมห่อแลปฟิล์มยืด เพราะทำให้สบู่ดูใส และวาว และกลีเซอรีนนี้เองที่เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว และยังสามารถเติมสารธรรมชาติอื่นๆเพื่อเพิ่มคุณค่าในการบำรุงผิวเพิ่มมากขึ้นได้ตามต้องการ ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้มักจะนิ่ม และละลายน้ำง่าย เหมาะสำหระับการใช้กับผิวหน้า
สบู่กลีเซอรีน (Glycerin) เป็นสบู่ที่มี กลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบสำคัญ และไขมันจากพืช ลีเซอรีนเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้ง และดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน และเนื่องจากสบู่ชนิดนี้มีส่วนผสมของกลีเซอรีนค่อนข้างมาก จึงมีความนิ่มกว่าสบู่ในท้องตลาดทั่วไป ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเปรียบเทียบคุณสมบัติกับสบู่ทั่วไปก็นับว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
สบู่สมุนไพร หรือสบู่น้ำมันธรรมชาติ
เป็นสบู่ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เป็นอย่างมาก สบู่มักจะเป็นก้อนสีขุ่น สีทึบ เพราะเป็นสบู่ที่เกิดจากกันนำน้ำมันไปผสมกับด่างทำให้เกิด เป็นสบู่น้ำมันธรรมชาติ สบู่ชนิดนี้อาจใช้เวลาในการรอให้สบู่เกิดการแข็งตัว มีค่าความด่างค่อนข้างสูงเพราะฉะนั้นเวลาที่เราใช้สบู่ไขมันเราจึงมักจะรู้สึกว่าผิวเราฝืดๆตึงๆ เพราะด่างสามารถละลายไขมันที่มีค่าเป็นกรดได้ดี สบู่ไขมันจึงมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดสูง จึงเป็นที่นิยม เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้ผิวกายของตนไทยเกิดเหงื่อไคลจึงรู้สึกว่าสบู่ชนิดนี้ทำความสะอาดผิวกายได้ดี
การเลือกใช้น้ำมันในการผลิตสบู่ก็จะให้ผลที่ต่างกันออกไป
1.น้ำมันมะพร้าว สบู่ที่ผลิตจะมีเนื้อแข็ง กรอบ แตกง่าย สีขาวข้น มีฟองมากเป็นครีม ให้ฟองที่คงทนพอควร เมื่อใช้แล้วทำให้ผิวแห้ง
2.น้ำมันปาล์ม สบู่ที่ผลิตจะแข็งเล็กน้อย มีฟองน้อย ฟองคงทนอยู่นาน มีคุณสมบัติในการชะล้างได้ดี แต่ทำให้ผิวแห้ง
3.น้ำมันรำข้าว ให้วิตามินอีมาก ทำให้สบู่มีความชุ่มชื้น บำรุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว
4.น้ำมันถั่วเหลือง เป็นน้ำมันที่เข้าได้ดีกับน้ำมันอื่น มีวิตามินอีสูง ให้ความชุ่มชื้น ถนอมผิว รักษาผิว
5.น้ำมันงา เป็นน้ำมันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว
6.น้ำมันมะกอก ทำให้ได้สบู่ที่แข็งพอสมควร ใช้ได้นาน มีฟองเป็นครีมนุ่มนวลมาก ให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง
7.น้ำมันละหุ่ง ช่วยทำให้สบู่มีฟองขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้สบู่เป็นเนื้อเดียวกันดี สบู่ไม่แตก ทำให้สบู่มีความนุ่มเนียนและช่วยให้ผิวนุ่ม
8.น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ทำให้สบู่นุ่มขึ้น แต่ฟองน้อย
ลักษณะของสบู่ที่ดี
1.มีความสามารถทำความสะอาดได้ดี
2.มีฟองในระดับที่เหมาะสม
3.มีความเป็นด่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิว
4.สบู่ก้อนไม่มีเนื้อเหลว แตกหักง่าย
5.ไม่มีกลิ่นหืน มีกลิ่นหอมน่าใช้ และมีคุณสมบัติเฉพาะในบางกรณี เช่น สบู่ฆ่าเชื้อ